1. เกต แอนด์ (AND gate)
2. เกต ออร์ (OR gate)
3. เกต แนนด์ (NAND gate)
4. เกต นอร์ (NOR gate)
5. เกต นอต (NOT gate)
6. เกตพิเศษอื่น ๆ เช่น เกต เอกซ์คลูซิฟออร์ (Exclusive – OR gate) และเกตเอกซ์- คลูซีฟนอร์ (Exclusive-NOR gate)
เกตต่าง ๆ เหล่าน้ีจะมีคุณสมบตัิสัญลกั ษณ ์ และวงจรที่แตกต่างกนั บางเกตจะมีขา อินพุตมากกว่า 2 ข้วั เช่น เกตแอนด์ เกตออร์ เกตแนนด์ และเกตนอร์ บางเกตอาจมีเพียง อินพุตเดียวเช่น เกตนอต หรือเกตอินเวอร ์ เตอร ์ ท้งัน้ียอ่ มข้ีนอยกู่ บัความเหมาะสม และหน้าที่ การนา ไปใชง ้ าน ส่วนขาเอาต์พุตปกติจะมีเพียงขาเดียว
2-1-1 เกต แอนด์ เกต แอนด์ สามารถท าความเข้าใจไดง ้่ายถา ้ หาก เขียนแทนด้วยสวิตช์และหลอดไฟ ซึ่ งประกอบด้วย สวิตช์ 2 ตัว คือ A และB ต่อแบบอนุกรมกนั ส่วน หลอดไฟใช้แทนเอาต์พุต Y โดยกา หนดสถานะของลอจิกดงัน้ี
สวิตช์ปิ ด (ครบวงจร) เป็ น 1 หรือ H (High)
สวิตช์เปิ ด (ไม่ครบวงจร) เป็ น 0 หรือ L (Low) ห
ลอดไฟติดสว่าง เป็ น 1 หรือ H (High)
หลอดไฟดับ เป็ น 0 หรือ L (Low)
จากตารางความจริงจะเห
็
นว่าในกรณี2 อินพุต เขียนสถานะของอินพุตที่ไม่ซ้า กนั ได
้
เพียง4แบบ มีเพียงสถานะเดียวเท่าน้นั ที่หลอดติดสว่างคือลา ดบั ที่4 ตารางที่เขียนข้ึนน้ีจะ
เป็ นจริงเสมอและยังแสดงคุณสมบัติเฉพาะตัวของเกต แอนด์ และถ้าเขียนเป็ นสมการพีชคณิต
ลอจิกของเกต แอนด์ คือ
Y = A · B
2-1-2 เกต ออร์
เกต ออร์เขียนแทนด้วยสวิตช์และหลอดไฟ โดยให้
สวิตช์ A และ B ขนานกนั ซ่ึงเปรียบเหมือนอินพุตของ
วงจร และหลอด Y เป็
นเอาต
์
พุตของวงจร โดยกา หนด
สถานะลอจิกทางดา
้
นอินพุตเหมือนกบั เกต แอนด
ในตารางความจริงของเกต ออร
์
น้นั พิจารณาการทา งานในล าดับที่ 1 สวิตช์ A และ B
ท้งัคู่เปิดพร
้
อมกนั หลอด Y จะดับ ได้สถานะลอจิกเป็ น “0” แต่ถา
้
หากขณะใด A หรือ B หรือ
ท้งัคู่ปิด หลอด Y จะสวา่ งทนั ทีดงัน้นั เกต ออร์จึงมีสถานะเดียวที่หลอดดับหรือสถานะลอจิก
เป็ น “0” เกต ออร์มีสมการพีชคณิตลอจิก คือ
Y = A + B
2-1-3 เกตนอต
เกตนอต หรื อ เกตอินเวอร์เตอร์ (Inverter gate) เขียนแทนด้วยวงจรรี เลย์ ซึ่ ง
ประกอบด้วย สวิตช์ A รีเลย์ D และหลอดไฟ Y โดยกา หนดสถานะลอจิกเหมือกบั เกต แอนด์
หรือเกต ออร
จากตารางความจริง ล าดับที่ 1 ถ้าอินพุตมีสถานะ
ลอจิกเป็ น “0” เอาต์พุตจะเป็ น “1” หมายถึง ถ้าสวิตช์ A
เปิด หลอดไฟจะติดสว่างตลอดเวลา วงจรของรีเลยจ
์
ะไม่
ครบวงจร ท าให้คอนแท็กของรีเลย์ D ยงัคงปิดอยู่แต่ถา
้
หากขณะใดสวิตช์ A ปิ ดรีเลย์ท างาน คอนแท็กของรีเลย์จะ
เปิ ดออก หลอดจะดับ ได้สถานะลอจิกเอาต์พุตเป็ น “0” สมการพีชคณิตของวงจร คือ
Y =
A
2.4.1 เกต แนนด์
เกต แนนดเ
์
ขียนวงจรโดยการใชว
้
งจรสวิตช
์
และรีเลยป์
ระกอบกนั ดว
้
ยวงจรเกต แอนด์
และเกตอินเวอร์เตอร์(เกต แนนด์ คือ เกต น็อต-แอนด์)โดยกา หนดใหส้
วิตช์ A และ B เป็ น
อินพุตของวงจร และหลอด Y เป็
นเอาตพ
์ ุตของวงจรการกา หนดสถานะของลอจิกอินพุต
เหมือนกบั เกต แอนด์หรือเกต ออร
จากตารางความจริง ล าดับที่ 1 สวิตช์ A และ B
เปิ ดออก รีเลย์ D ไม่ทา งาน หลอด Y จะติดสว่าง ได้
ลอจิกเป็ น “1” ล าดับที่ 2 และ 3 สวิตช์อันใดอันหนึ่ง
ปิดหรือเปิด ผลที่ไดเ
้
หมือนกบัลา ดบั ที่1คือรีเลยไ์
ม่
ท างานหลอดไฟก
็
สว่างอย่สู ถานะยงัคงเป็
น “1” แต่
ในล าดับที่ 4 ท้งัสวิตช
์
A และ B ปิด สถานะลอจิกอินพุตท้งัคู่เป็
น “1” รีเลย์ท างาน ท าให้
หน้าสัมผัสของรีเลย์แบบปกติปิ ดท างาน เปิ ดออกตัดวงจร หลอดไฟ Y กจ
็
ะดบั สถานะลอจิก
ขณะน้ีเป็
น “0” ส่วนสมการพีชคณิตลอจิกของวงน้ีคือ
Y =
A.B
2-1-5 เกต นอร์
เกต นอร์เขียนแทนด้วยสวิตช์ A และ B รีเลย์ D และหลอดไฟ Y ซึ่งท าหน้าที่เป็ น
เอาต์พุตของวงจร(เกต นอร์คือ เกต น็อต-ออร์)
จากตารางความจริง ล าดับที่ 1 ถ้า
เปิ ดสวิตช์ A และ B ไวพ
้
ร
้
อม ๆ กนั
รีเลย์ D จะไม่ทา งาน หลอดไฟ Y ติด
สว่าง จะได
้สถานะของลอจิกเป็
น “1”
แต่ถา
้
หากขณะใดสวิตช
์
A หรือ B หรือ
ท้งัคู่ปิด หลอดไฟ Y จะดับ ได้สถานะลอจิกเป็ น “0” เสมอ ส่วนสมการพีชคณิตลอจิกคือ
Y = A + B
2.1.6 เกต เอกซ
์
คลูซีฟออร
์
เกตชนิดน้ีเกิดจากการนา เอาเกตนอต เกตแอนด
์
และเกตออร
์
มาต่อร่วมกนั สัญญาณ
เอาต์พุตจะปรากฏเป็ นลอจิก “1” กต
็่อเมื่ออินพุต A และ B มีค่าเป็
นลอจิก“0” และ “1” หรือ
ตรงขา
้
มกนั ถา
้
นอกเหนือจากกรณีเหล่าน้ีเอาตพ
์ ุตตะปรากฏเป็
นลอจิก“0”
2-1.7 เกต เอกซ
์
คลูซีฟนอร
์
เกตชนิดน้ีคลา
้
ยกบั เอกซ
์
คลูซีฟ-ออร
์
เกต ซ่ึงเกิดจาก
การนา เอาเกตชนิดอื่นมาประยุกต
์ใช
้
งาน แต่จะต่างกัน
ตรงที่ค่าที่ไดจ
้
ากเอาตพ
์ ุตจะตรงขา
้
มกนั ถา
้สัญญาณอินพุต
เป็ น “1” หรือ “0” ท้งัคู่จะเป็
นผลทา ให
้
เอาต
์
พุตเป็
น “1”
ทนั ทีดงัน้นั เกตชนิดน้ีจึงเรียกอีกอยา่ งหน่ึงวา่
คอมพาราเตอร์ (Comparator)